เกร็ดความรู้สักหน่อย :เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง และมีพระที่นั่ง 75 องค์ หอพระสมุด ห้องหับต่างๆอีกมาก รวมทั้งยังมีสวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมกันโดยตลอด มีคูและกำแพงที่สูงถึง 11 เมตร ล้อมรอบ ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1949 จนถึง พ.ศ. 1963 เมื่อเรามาถึงก็พบกับปริมาณผู้คนที่มหาศาลมาก
พวกเราได้ใช่เวลาเดินตระเวณภายในพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) จนถึงเกือบเที่ยง ทำไมเวลามันผ่านไปไวจังว้าา ครึ่งวันได้แค่ที่เดียวเอง ก็มุ่งหน้าไปยังข้าวเที่ยงของเราเมื่อมาถึงปักกิ่งเราต้องมากินเป็ดปักกิ่งซิ เราก็จักแจงบอกไกด์เลยอยากกินเปิดปักกิ่งมาก ซึ่งที่นู้นเขาจะเรียกกันว่า Roast Duck มุ่งหน้าไปยังภัตราคารที่มีชื่อเสียงทันที..... ขอจบ วันที่2 ช่วงแรกแค่นี้ก่อนนะคราบบบ
ไกด์ได้ทำการซ้ือ ตั๋วให้เรา และพาเราเข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่ได้เห็นคือ ความใหญ่โตของพระราชวัง ที่แบ่งเป็นชั้นๆเข้าไปตามประตู ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบ และเมื่อจนถึงจุดกลางของพระราชวังก็พบกับความยิ่งใหญ่และความสวยงามในรูปแบบสถาปัตยกรรมของจีน ที่สร้างมาได้ยิ่งใหญ่อลังการมากและดูถึงความแข็งแรงทนทานมาก นึกถึงว่าใครจะมาบุกทีนี่ลำบากแท้กว่าจะเข่้าถึงชั้นในพระราชวังได้ กำแพงทั้งสูงทั้งใหญ่ ทั้งยาว อีกที่ไกด์ยังบอกพวกเราว่าส่วนในของพระราชวังนี้ผู้ชายปกติจะไม่สามารถเข้ามาได้ ต้องเป็นผู้หญิงหรือ ผู้ชายที่ตัดอวัยเพศทิ้งแล้วเท่านั้น
พระราชาวังตรงกลางที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่ประทับของฮ้องเต้ มีความสวยงามแต่มืดทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปได้และคนนี่เบียดเสียดกว่าจะเข้าไปถึงต้องฝ่าฝันกับมนุษย์ลุงและมนุษย์ป้าชาวจีนอย่างยากเย็น พวกเราเดินตระเวณ แต่ละชั้นๆไปชมความสวยงามและยิ่งใหญ่ของพระราชวังต้องห้าม
ก่อนจะถึงด้านหลังของพระราชวังจะมีสวนหินและสวนต้นไม้ที่มีรูปร่างลักษณะต่างๆที่จัดไว้เป็นสวนอย่างสวยงามและร่มเย็นมาก และจุดสำคัญคือตรงกลางจะเป็นต้นไม้2ต้นซึ่งเอนเข้าหากัน โดยคู่รักมักจะเข้าไปตรงกลางนั้นเพื่อถ่ายรูปคู่กันอย่างมาก
ซึ่งถ้ามีเวลามากพอไกด์แนะนำให้เดิน จนทะลุถึงด้านหลังของพระราชวัง ที่จะมีภูเขาสามารถข้ามถนนและขึ้นไปถ่ายรูปรวมของพระราชวังได้อีกมุมนึงที่เห็นพระราชวังต้องห้ามได้ทั้งหมดจากมุมสูง แต่พอดีเวลานั้นมีไม่พอ และหมดแรงกันเลยไม่ได้ขึ้นไปถ่ายด้านบน
ก่อนจะถึงด้านหลังของพระราชวังจะมีสวนหินและสวนต้นไม้ที่มีรูปร่างลักษณะต่างๆที่จัดไว้เป็นสวนอย่างสวยงามและร่มเย็นมาก และจุดสำคัญคือตรงกลางจะเป็นต้นไม้2ต้นซึ่งเอนเข้าหากัน โดยคู่รักมักจะเข้าไปตรงกลางนั้นเพื่อถ่ายรูปคู่กันอย่างมาก
ซึ่งถ้ามีเวลามากพอไกด์แนะนำให้เดิน จนทะลุถึงด้านหลังของพระราชวัง ที่จะมีภูเขาสามารถข้ามถนนและขึ้นไปถ่ายรูปรวมของพระราชวังได้อีกมุมนึงที่เห็นพระราชวังต้องห้ามได้ทั้งหมดจากมุมสูง แต่พอดีเวลานั้นมีไม่พอ และหมดแรงกันเลยไม่ได้ขึ้นไปถ่ายด้านบน
พวกเราได้ใช่เวลาเดินตระเวณภายในพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) จนถึงเกือบเที่ยง ทำไมเวลามันผ่านไปไวจังว้าา ครึ่งวันได้แค่ที่เดียวเอง ก็มุ่งหน้าไปยังข้าวเที่ยงของเราเมื่อมาถึงปักกิ่งเราต้องมากินเป็ดปักกิ่งซิ เราก็จักแจงบอกไกด์เลยอยากกินเปิดปักกิ่งมาก ซึ่งที่นู้นเขาจะเรียกกันว่า Roast Duck มุ่งหน้าไปยังภัตราคารที่มีชื่อเสียงทันที..... ขอจบ วันที่2 ช่วงแรกแค่นี้ก่อนนะคราบบบ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น